ชื่อนวัตกรรม “สบู่ขัดหม้อ (จากน้ำมันพืชที่เหลือใช้ในครัวเรือน)”
ประเภทนวัตกรรม (จำแนกตามเป้าหมาย) 🗹 นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (product innovation)
สาขาที่ประกวด สาขาการจัดการสุขภาพชุมชนและอนามัยสิ่งแวดล้อม
จังหวัด จันทบุรี
อสม.ดีเด่นระดับ ภาค
- ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ นางสาวภรณ์พรรณ พงษ์สุวรรณ
ที่อยู่ 75 หมู่ที่ 2 ตำบลปะตง อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี 22180
อาชีพ ค้าขาย/เกษตรกรรม
สถานภาพ สมรส
ระดับการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 6
ระยะเวลาเป็น อสม. 36 ปี - ที่มาและความสำคัญของการสร้างนวัตกรรม
เนื่องจากประชาชนใน ม.๒ คลองกะทา มีครัวเรืองจำนวนมากถึงประมาณ ๓๔๑ ครัวเรือน และพบว่าบาง
ครัวเรื่องยังไม่ทราบวิธีการกำจัดน้ำพืชที่ผ่านการใช้งานจากกรทำอาหาร น้ำมันพืชที่ใช้ประกอบอาหารแล้วไม่ควรนำกลับมาใช้ช้ำ เนื่องจากมีสารก่อมะเร็ง และเป็นพิษต่อสุขภาพ โดยส่วนใหญ่จะใช้วิธีการกำจัดทิ้งผ่านท่อน้ำและทิ้งลงถังขยะ ส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ท่อน้ำอุดตัน เกิดคราบและกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ตตามบริเวณถังขยะที่นำไปทิ้งและยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สภาวะโลกร้อน และปัญหาน้ำท่วมขังอันเนื่องมาจากท่อระบายน้ำอุดตัน ซึ่งทำให้เกิดงานไม่จำเป็นต่อหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีความผิดตาม พรบ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.๒๕๓๕ ดังนั้น เพื่อเป็นการจำกัดน้ำมันพืชที่ถูกวิธี อสม.ภรณ์พรรณ จึงได้คิดค้นนวัตกรรมวิธีการจำกัดน้ำมันพืชที่เหลือโดยนำมาทำสบู่ขัดหม้อ ทำให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งน้ำมันเหล่านั้นได้ถูกส่งไปแปลงให้เป็นไปโอดีเซล (น้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือก)
- วัตถุประสงค์
- เพื่อกำจัดน้ำมันพืชที่ใช้แล้วมาทำให้เกิดประโยชน์
- เพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนสามารถรู้วิธีการทำสบู่ขัดหม้อจากน้ำพืชที่เหลือใช้
- เพื่อลดต้นทุนในการจัดซื้อน้ำยาทำความสะอาด
- ขั้นตอนการดำเนินงาน
- ประชุมชี้แจงสภาพปัญหาในที่ประชุมหมู่บ้าน
- ประสาน อสม.และชาวบ้านในพื้นที่ ม.๒ คลองกะทาและเจ้าหน้าที่รพ.สต.บ้านตาเรื่องที่เป็น
ผู้รับผิดชอบงานอนามัยสิ่งแวดล้อม - ร่วมประชุมชี้แจงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน
- ประสาน อสม.และชาวบ้านในพื้นที่ ม.๒ คลองกะทาและเจ้าหน้าที่รพ.สต.บ้านตาเรื่องที่เป็น
- ร่วมกันเสนอแนวทางการดำเนินงาน
- เนื่องจาก อสม.ภรณ์พรรม ทราบถึงปัญหาที่เกิดจากการทิ้งน้ำมันที่เหลือใช้อย่าง ผิดวิธี จึงได้เสนอ
แนวทางการทำสบู่ชัดหม้อ (จากน้ำมันพืชที่เหลือใช้ในครัวเรือน) - รพ.สต.บ้านตาเรือง ได้เป็นที่ปรึกษาและพี่เลี้ยงการจัดทำโครงการในครั้งนี้
- เนื่องจาก อสม.ภรณ์พรรม ทราบถึงปัญหาที่เกิดจากการทิ้งน้ำมันที่เหลือใช้อย่าง ผิดวิธี จึงได้เสนอ
- กระบวนการผลิตสบู่ขัดหม้อ (จากน้ำมันพืชที่เหลือใช้ในครัวเรือน)
วัสดุอุปกรณ์- น้ำมันพืชที่เหลือใช้
- น้ำขี้เถ้า
- โซดาไฟ
- แม่พิมพ์
วิธีทำ- นำน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว น้ำขี้เถ้า โซดาไฟ มาผสมเข้าด้วยกัน
- จากนั้นนำเทใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้
- ทิ้งไว้ให้เซ็ตตัวแล้วนำออกจากแม่พิมพ์
- ให้ชาวบ้านหมู่ที่ ๒ คลองกะทา จำนวน ๓๐ คน ทำแบบประเมินความพึ่งพอใจในการดำเนินงาน
โครงการเรื่อง สบู่ขัดหม้อ (จากน้ำมันพืชที่ใช้แล้วในครัวเรือน)
- ประชุมชี้แจงสภาพปัญหาในที่ประชุมหมู่บ้าน
- ผลการดำเนินงาน/ประโยชน์ที่ได้รับ
ผลการดำเนินงานในครั้งนี้มีคะแนนความพึ่งพอใจจากการจัดกิจกรรมสาขาการจัดการสุขภาพชุมชนและอนามัย
สิ่งแวดล้อมที่จัดทำสบู่ขัดหม้อ (จากน้ำมันพืชที่เหลือใช้ในครัวเรือน) ชาวบ้านหมู่ที่ 6 คลองกะทา จำนวน ๓๐ คน
ได้รับคะแนนโดยรวมเฉลี่ยที่ระดับความพึงพอใจมากที่สุด จำนวน ๒๑ คน ระดับความพึงพอใจมาก จำนวน ๗ คน
และระดับความพึงพอใจปานกลาง จำนวน ๒ คน และจากการดำเนินงานในครั้งนี้ พบว่า สามารถกำจัดน้ำมันพืชที่
แล้วโดยการนำมาผลิตเป็นสบู่ขัดหม้อได้จริง และได้ทำการเผยแพรกระบวนการผลิตสบู่จัดหม้อจากนน้ำมันพืชที่เหลือ
ใช้แก่ชุมชน โดยได้รับคะแนนความพึงพอใจที่ระดับมากที่สุด ซึ่งจะเห็นได้ว่าน้ำมันพืชเหลือใช้สามารถสร้างประโยชน์
ต่อชุมชน ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถลดต้นทุนในการจัดซื้อน้ำยาทำความสะอาดอีกด้วย - ปัจจัยความสำเร็จ
อสม., คนในชุมชนและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนให้ความสำคัญและมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน- โรงเรียนต่อยอดจากโครงการส่งเสริมโรงเรียนปลอดขยะ โดยให้ทางโรงเรียนบ้านตาเรือง ฝึกอบรม
นักเรียนจัดการขยะที่ต้นทาง และจัดประกวดการเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้การจัดการขยะ - วัด มีการจัดกิจกรรม เข้าวัดโดยใช้ปิ่นโตไปวัดแทนการใช้ถุงพลาสติกและกล่องโฟม ใช้ต้นไม้ประดับ
กล้วยไม้ หรีดพัดลม นาฬิกา หนังสือ จักรยาน แทนหรีดดอกไม้สด และมีการทอดกระกฐินขยะรีไซเคิล - อบต.ปะตง ได้ให้การสนับสนุนทั้งทางบุคลากร เจ้าหน้าที่ วิชาการ งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ ตลอดจน
คำแนะนำ และร่วมกิจกรรมกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง - คนในชุมชนร่วมกันจัดการขยะที่ต้นทาง และผู้นำชุมชุนมีความรู้ความเข้าใจกระบวนการ
จัดการขยะที่ต้นทางภายในชุมชน และสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่คนในชุมชนโดยใช้หลัก 3 Rs
- โรงเรียนต่อยอดจากโครงการส่งเสริมโรงเรียนปลอดขยะ โดยให้ทางโรงเรียนบ้านตาเรือง ฝึกอบรม
- โอกาสพัฒนา
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนในหมู่บ้านและภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ที่หมู่บ้านนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ให้สามารถช่วยในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐทางด้านสุขภาพ ส่งผลให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถจัดการขยะด้วยตนเองได้ การจัดการสุขภาพชุมชนและอนามัยสิ่งแวดล้อม ผู้นำถือเป็นสื่อกลางในการช่วยประสานให้คนในชุมชน เกิดความร่วมมือร่วมใจกันจัดการพัฒนาสุขภาพชุมชนและอนามัยสิ่งแวดล้อมให้คนในชุมชนบรรลุผลได้อย่างยังยืน