อสม.ดีเด่นระดับภาค
สาขาการบริการสุขภาพในศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน
(ศสมช.) และการสร้างหลักประกันสุขภาพอำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นางขวัญใจ ธิปัตย์
อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หมู่ที่ 9 บ้านหนองรี
ตำบลย่านยาว อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
รูปแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์(Product innovation)
ความสำคัญและความเป็นมา
แผลกดทับ (Bedsores หรือ Decubitus ulcer) เป็นแผลเปื่อยที่เกิดจากผิวหนังและเนื้อเยื่อ
เกี่ยวพันใต้ผิวหนังขาดเลือด สาเหตุเกิดจากการกดทับเป็นระยะเวลานาน (พวงทอง 2555) แผลกดทับ
นั้นมี 4 ระยะ ระยะที่1 ผิวหนังบริเวณที่ถูกกดทับจะเป็นรอยแดง ยังไม่มีการฉีกขาด ระยะที่ 2 มีการ
สูญเสียของผิวหนังทั้งหมด เกิดแผลลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง ระยะที่ 3 มีการสูญเสียผิวหนังทั้งหมด มองเห็นชั้น
กล้ามเนื้อ กระดูก เอ็นและเยื่อหุ้มข้อต่อ ระยะที่ 4 เป็นระยะที่มีความลึกของแผลลุกลามเข้าไปในชั้น
กล้ามเนื้อ ( พัทนัย และคณะ 2555 )จากการสำรวจของ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ พบว่า ขณะนี้มี
ประชากรทั้งหมด 64.5 ล้านคน และมีจำนวนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 9.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ
14.5 ของประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้นปีละ 5 แสนคน และคิดว่าคนไทยในปี 2568 จะก้าวเข้าสู่การเป็น
ผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ประมาณ 14.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 20 ของประชากร และผู้สูงอายุร้อยละ
85 หรือ 6 ล้านคน สามารถดูแลตนเองได้ และอีก 1 ล้านคน ที่ติดเตียง ติดบ้าน ต้องพึ่งพาผู้อื่น และอีก
6300 ล้านคน ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย (นพ.ณรง 2561 )
แผลกดทับเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดได้กับผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง เช่น ผู้ป่วยที่เป็น
อัมพาตจากโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วย ที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะหรือกระดูกสันหลัง ผู้ป่วย กระดูกขาหักที่
ต้องใช้เครื่องดึงกระดูกหรือเข้าเฝือก เป็นระยะเวลานานๆโดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุที่ช่วยเหลือ ตัวเองได้
น้อย และผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่มีความจำกัดในการเคลื่อนไหว ( จินพิชญ์ชา 2558 ) แผลกดทับเป็นแผล
ที่เกิดจากแรงกดทับมากกว่า 32 มิลลิเมตรปรอท กระทำต่อร่างกายต่อเนื่องและเป็นเวลานาน ( อารี และ
คณะ 2545 ) เมื่อเกิดการกดทับจะทำให้เกิดการตีบตันของหลอดเลือดฝอยและหลอดเลือดแดงเล็กๆ มี
ผลทำให้เซลล์ขาดเลือดไปเลี้ยงและรับอาหารไม่เพียงพอ รวมทั้งไม่สามารถขับของเสียออกไปจึงทำให้เกิด
การตายของเซลล์ ( ชวลี 2542 ; 12-25 ) จึงทำให้การพลิกตะแตงตัวผู้ป่วยที่มีความจำกัดในการ
เคลื่อนไหวร่างกายหรือเคลื่อนไหวไม่ได้เลย นับเป็นเรื่องยากและลำบากสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วย และหากทำ
การพลิกตะแคงผิดหรือเกิดการผิดพลาด อาจทำให้เพิ่มความรุนแรงของปัญหาแผลกดทับเพิ่มขึ้น ปกติการ
พลิกตัวผู้ป่วยเป็นกิจกรรมที่สำคัญและมีความจำเป็นในการป้องกันแผลกดทับ ซึ่งการจัดท่าให้เกิด
ประสิทธิผลในการป้องกันและจัดการกับแผลกดทับในท่านอน ควรจัดให้ศีรษะสูงไม่เกิน 30 องศา ควร
นวัตกรรมหมอนเจลลดแผลกดทับ อสม.ดีเด่นระดับภาค สาขาการบริการสุขภาพในศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน
(ศสมช.) และการสร้างหลักประกันสุขภาพอำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต้องพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุกๆ 2 ชั่วโมง ตะแคงตัวทั้งซ้ายและขวาสลับกันไม่เกิน 30 องศา ( จิณพิชญ์ชา 2558 ) และอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดแผลกดทับ คือการเกิดแรงเสียดสี โดยผู้ป่วยถูกลากหรือดึงจะเกิดการหลุดลอกของผิวหนังชั้นนอกและเนื้อเยื่อถูกทำลายได้ทำให้อาการอาจรุนแรงกว่าเดิม ( Braden &Berstrem 2000 ) มีการศึกษาพบว่า เมื่อมีแรงกด 500 มิลลิเมตรปรอท เป็นเวลานานถึง 4 ชั่วโมง จะเกิดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อส่วนลึกและกล้ามเนื้อ ในขณะที่ผิวหนังเป็นปกติต้องเพิ่มแรงกดเป็น 800มิลลิเมตรปรอท เป็นเวลานาน 8 ชั่วโมง จึงเกิดการบาดเจ็บของชั้นผิวหนัง แผลที่เกิดจากแรงกดทับจึงมี
การทำลายถึงเนื้อเยื่อระดับลึก ( Braden & Bryunt 1990 ) การพลิกตะแคงผู้ป่วยจึงเป็นเรื่องยาก
สำหรับผู้ดูแลจากปัญหาข้างต้นจึงได้จัดทำนวัตกรรม หมอนเจลลดแผลกดทับ เพื่อแก้ปัญหาแผลกดทับที่เกิดใน
ผู้ป่วยติดเตียงในหมู่ 9 บ้านหนองรีตำบลย่านยาว อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานีเนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้มีการ
พลิกตะแคงและนอนเป็นระยะเวลานานจึงเกิดปัญหาแผลกดทับจากเบาะที่นอนไม่มีความยื่นหยุ่นและนิ่ม
จึงได้คิดค้นหมอนเจลลดแผลกดทับ รองในการนอน เพื่อลดการเกิดแผลกดทับ โดยหมอนเจลทำมาจาก
เจลประคบเย็นมีความนิ่ม จึงสามารถบรรเทาการเกิดแผลกดทับได้
วัตถุประสงค์
(1.) เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยติดเตียง
(2.) เพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้นของผู้ป่วยหลังจากได้ติดตามเยี่ยมบ้าน
กลวิธีการดำเนินงาน
นวัตกรรมหมอนเจลลดแผลกดทับ เป็นนวัตกรรมที่ทำขึ้นโดยนำรูปแบบของหมอนมา
ปรับเปลี่ยนให้มีลักษณะนูนและมารวมกับเจลประคบเย็น โดยจัดทำเป็นหมอนเจลลดแผลกดทับเพื่อสนอง
ความต้องการของผู้ป่วยติดเตียง โดยนำต้นทุนมาจากการนำซาเล้งสื่อรักไปรับบริจาคขยะมาจากชาวบ้าน
หมู่ที่ 9 บ้านหนองรี มารวบรวมไว้ที่สาสุขมูลฐาน เพื่อนำไปขายแล้วนำเงินมาต่อยอดและพัฒนาจนมาเป็น
หมอนเจลลดแผลกดทับให้แก่ผู้ป่วยติดเตียง หมู่ 9 บ้านหนองรีซึ่งทำให้ผลลัพธ์ในการดำเนินงานให้เกิด
ประโยชน์แก่ผู้ป่วยติดเตียง
วัสดุอุปกรณ์
(1.) เจลประคบเย็น
(2.) เศษผ้า (สำหรับทำปลอกหมอน)
(3.) ฟองน้ำ
(4.) เข็มเย็บผ้า
(5.) ด้ายเย็บผ้า
(6.) ผ้าซิป
นวัตกรรมหมอนเจลลดแผลกดทับ อสม.ดีเด่นระดับภาค สาขาการบริการสุขภาพในศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน
(ศสมช.) และการสร้างหลักประกันสุขภาพอำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี หน้า 3
12.6. ขั้นตอนการทำนวัตกรรม
(1.)นำเศษผ้ามาเย็บให้ได้ขนาด/ช่องตามที่ต้องการ และใส่ผ้าซิป
(2.)ตัดฟองน้ำให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ
(3.)นำฟองน้ำใส่ในช่องที่เย็บไว้
(4.)นำเจลประคบเย็นใส่ทับบนฟองน้ำ
(5.)จัดทรงให้ได้ตามที่ต้องการ และรูดซิป
12.7. งบประมาณ
ฟองน้ำ 4 อัน อันละ 25 บาท รวม 200 บาท
12.8. หลักคิดและทฤษฎีที่นำมาใช้กระบวนการมีส่วนร่วมกระบวนการมีส่วนร่วมนับเป็นหัวใจสําคัญของการพัฒนาในทุกระดับเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ การวางแผน การปฏิบัติตามแผน การติดตามประเมินผลในกิจกรรม/โครงการของชุมชน เป็นการสร้าง ปลูกฝังจิตสํานึกในความเป็นเจ้าของกิจกรรมและโครงการแนวคิดกระบวนการมีส่วนร่วม ปัจจุบัน แนวคิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในงานพัฒนา (People Paticipation for Development) ได้รับการยอมรับและใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในงานพัฒนาทุกภาคส่วนหรือในลักษณะเบญจภาคี ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนองค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ และประชาชน รวมพลังกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ความหมายของการมีส่วนร่วม Cemer (Priticia Lundy, 1999, หน้า 125) กล่าวว่า “การให้โอกาส
ให้ประชาชนเป็นฝ่ายตัดสิน กําหนดความต้องการของตนเองเป็นการเสริมพลังอํานาจให้ประชาชน ระดม
ขีดความสามารถในการจัดการทรัพยากร การตัดสินใจ และควบคุมกิจกรรมต่าง ๆ มากกว่าที่จะเป็นฝ่าย
ตั้งรับการพัฒนาเพียงฝ่ายเดียว” (กระบวนการและเทคนิคการทํางานของนักพัฒนา หน้า 196)
สําหรับสายทิพย์ สุคติพันธ์ (2534 หน้า 92) กล่าวว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงกลไกในการพัฒนา
จากการพัฒนาโดยรัฐ มาเป็นการพัฒนาที่ประชาชนมีบทบาทหลัก การมีส่วนร่วมของประชาชน จึง
หมายถึงการคืนอํานาจ (Empowerment) ในการกําหนดการพัฒนาให้ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการ
ริเริ่มและดําเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสภาพความเป็นอยู่การพัฒนา การแก้ไขปัญหา การกําหนดอนาคต
ของประชาชนเองนวัตกรรมหมอนเจลลดแผลกดทับ อสม.ดีเด่นระดับภาค สาขาการบริการสุขภาพในศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน(ศสมช.) และการสร้างหลักประกันสุขภาพอำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
การมีส่วนร่วมของ HO (1983 หน้า 32) ให้ความเห็นว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนควรมี
เนื้อหาประกอบด้วย
- การเน้นคุณค่าการวางแผนระดับท้องถิ่น
- การใช้เทคโนโลยี/ทรัพยากรที่มีในท้องถิ่น
- การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพประชาชนให้สามารถดําเนินการพัฒนาด้วยตนเองได้
- การแก้ไขปัญหาของความต้องการพื้นฐานโดยสมาชิกชุมชน
- การเอื้ออาทร ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามแบบประเพณีดั้งเดิม
- การใช้วัฒนธรรมและการสื่อสารที่สอดคล้องกับการพัฒนาโดยใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และ
ความชํานาญของประชาชนร่วมกับวิทยากรที่เหมาะสมและมีการประเมินผลการปฏิบัติงานด้วย
ขั้นตอนกระบวนการมีส่วนร่วม
กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในงานพัฒนานั้น ประชาชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในทุก
ขั้นตอนของการปฏิบัติงาน โดยมีนักวิชาการจากภายนอกเป็นผู้ส่งเสริม/สนับสนุนทั้งในด้านข้อมูลข่าวสาร
และเทคโนโลยีที่เหมาะสมบัณฑร อ่อนดํา (ทศพล กฤตยพิสิฐ, 2537 หน้า 13) กล่าวถึงการมีส่วนร่วมใน
การพัฒนา ซึ่งเป็นการวัดเชิงคุณภาพออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้ (กระบวนการและเทคนิคการทํางานของ
นักพัฒนา หน้า 200 – 206)
ขั้นตอนที่ 1 การมีส่วนร่วมในขั้นการริเริ่มการพัฒนา เป็นขั้นตอนที่ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วม
ในการค้นหาปัญหา/สาเหตุของปัญหาภายในชุมชน ตลอดจนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจกําหนดความ
ต้องการของชุมชน และจัดลําดับความสําคัญของความต้องการของชุมชน
ขั้นตอนที่ 2 การมีส่วนร่วมในขั้นการวางแผนในการพัฒนาซึ่งเป็นขั้นตอนของการกําหนด
นโยบาย วัตถุประสงค์ของโครงการ วิธีการตลอดจนแนวทางการดําเนินงานและทรัพยากรที่จะใช้
ขั้นตอนที่ 3 การมีส่วนร่วมในขั้นตอนการดําเนินการพัฒนา เป็นส่วนที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการสราง
ประโ ยช น์ให้ กั บช ุ มช น โ ดยได้รับกา รสน ับ สนุ นด ้า นง บป ร ะ มา ณ เทคโ นโ ลยี ฯลฯ
ขั้นตอนที่ 4 การมีส่วนร่วมในขั้นตอนรับผลประโยชน์จากการพัฒนา ซึ่งเป็นทั้งการได้รับผลประโยชน์
ทางด้านวัตถุและทางด้านจิตใจ
ขั้นตอนที่ 5 การมีส่วนร่วมในขั้นประเมินผลการพัฒนาเป็นการประเมินว่าการที่ประชาชนเข้า
ร่วมพัฒนา ได้ดําเนินการสําเร็จตามวัตถุประสงค์เพียงใด การประเมินอาจประเมิน แบบย่อย (Formative
Evaluation) เป็นการประเมินผลความก้าวหน้าเป็นระยะ ๆ หรืออาจประเมินผลรวม (Summative
Evaluation) ซึ่งเป็นการประเมินผลสรุปรวมยอด
ลักษณะของการมีส่วนร่วม
Cohen and Uphoff (1977) กล่าวว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนในงานพัฒนาโดยทั่วไป
ประชาชนอาจเข้าร่วมในกระบวนการตัดสินใจว่าจะทําอะไร ร่วมในการนําโครงการไปปฏิบัติโดยเสียสละ
นวัตกรรมหมอนเจลลดแผลกดทับ อสม.ดีเด่นระดับภาค สาขาการบริการสุขภาพในศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน
(ศสมช.) และการสร้างหลักประกันสุขภาพอำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี หน้า 5
ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น แรงงาน วัสดุ เงิน หรือร่วมมือในการจัดกิจกรรมเฉพาะด้าน เข้าร่วมในผลที่เกิดจาก
การพัฒนาและร่วมในการประเมินผลโครงการ
นอกจากลักษณะการมีส่วนร่วมดังที่กล่าวมาแล้วยังมีผลการศึกษาอีกบางส่วนที่กล่าวถึง
ลักษณะการมีส่วนร่วม โดยแบ่งตามบทบาทและหน้าที่ของผู้เข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนา
(LeeJ Cary, 1970) ดังนี้- เป็นสมาชิก(Membership)
- เป็นผู้เข้าประชุม (Aterdance at meeting)
- เป็นผู้บริจาคเงิน (Financial Contribution)
- เป็นประธาน(Leader)
- เป็นกรรมการ(Membership in Committees)
กล่าวโดยสรุปลักษณะการมีส่วนร่วมอาจแบ่งโดย - การสนับสนุนทรัพยากร คือ การสนับสนุนเงิน วัสดุอุปกรณ์ แรงงาน การช่วย ทํากิจกรรม
ร่วมประชุม รวมแสดงความคิดเห็น - อํานาจหน้าที่ของผู้เข้าร่วม คือ ความเป็นผู้นํา เป็นกรรมการ เป็นสมาชิก
12.9. กระบวนการใช้นวัตกรรม
(1.) ผู้นำชุมชนประชุมหมู่บ้านให้ความรู้ประชาชนในการจัดการแยกขยะรีไซเคิล ขวดแก้ว ขวด
พลาสติก กระดาษ พลาสติก กระป๋อง จะนำมารวบรวมรวมไว้ที่ศูนย์สาธารณสุขมูลฐาน (ศสมช.) หมู่ที่ 9
บ้านหนองรี ซึ่งมีตะแกรงคัดแยกอยู่แล้ว โดยหากประชาชนท่านใดไม่สะดวกที่จะนำมาไว้ที่ ศสมช. ก็จะ
มีอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) นำซาเล้งสื่อรักไปรับขยะมาไว้ที่ ศสมช. หมู่ที่ 9 บ้านหนองรี
(2.) เมื่อได้เงินที่มีปริมาณมากพอ คณะกรรมการหมู่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) หมู่ที่ 9
บ้านหนองรีพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลย่านยาว จะนำเงินที่ได้จาก
การขายขยะรีไซเคิลไปต่อยอดในการจัดทำอุปกรณ์เสริม หมอนเจลลดแผลกดทับในผู้ป่วยติดเตียง
(3.) เจ้าหน้าที่และอาสาสมัคลงพื้นที่ติดตามเยี่ยมและประเมินการใช้หมอนเจลลดแผลกดทับใน
ผู้ป่วยติดเตียงโดยการสังเกตและใช้แบบประเมิน ADL
นวัตกรรมหมอนเจลลดแผลกดทับ อสม.ดีเด่นระดับภาค สาขาการบริการสุขภาพในศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน (ศสมช.) และการสร้างหลักประกันสุขภาพอำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุ
ราษฎร์ธานี
สรุปผลการดำเนินงาน
เมื่อนำนวัตกรรมหมอนเจลลดแผลกดทับไปทดลองใช้กับผู้ป่วย 1 ราย ซึ่งมีแผลกดทับบริเวณรอยปุ่ม
กระดูก พบว่า ในช่วงเวลา 1 ปีผู้ป่วยไม่พบแผลกดทับเพิ่มเติม รอยแผลเดิมทุเลาดีขึ้น
และเนื่องด้วยมีอากาศที่ร้อน เมื่อผู้ป่วยใช้นวัตกรรมหมอนเจลลดแผลกดทับให้ความเย็น ทำให้
ผู้ป่วยพักผ่อนได้มากขึ้น ญาติผู้ป่วยก็มีเวลาพักผ่อนจากการดูแลผู้ป่วยมากขึ้น แต่ญาติผู้ป่วยต้องการหมอน
เจลลดแผลกดทับเพิ่มเติม และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพื่อใช้เฉพาะที่ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
ดังนั้น ผู้ศึกษา จึงได้กลับมาวิเคราะห์ปัญหาความต้องการของญาติผู้ป่วยโดยจะมีการพัฒนานวัตกรรมต่อยอด
โดยประดิษฐ์หมอนเจลลดแผลกดทับให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
จากผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามทั้งหมด 20 คน พบว่า ผู้ดูแลผู้ป่วยและผู้ใช้นวัตกรรมมีความพึงพอใจต่อ
หมอนเจลลดแผลกดทับ อยู่ในระดับดีมาก